หมวด 2
วัน เวลาทำงาน และเวลาพัก
ข้อ 2. วันทำงาน
สหกรณ์กำหนดให้พนักงานทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันเสาร์
ข้อ 3. เวลาทำงาน
สหกรณ์กำหนดให้พนักงานทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 17.00 น.
ข้อ 4. เวลาพัก
สหกรณ์กำหนดให้พนักงานหยุดพัก ระหว่างเวลา 12.00 ถึง 13.00 น.
ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันกำหนดเวลาพักระหว่างการทำงานตามวรรคหนึ่งเป็นอย่างอื่นก็ย่อมกระทำได้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความราบรื่นและอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกที่มาใช้บริการ
หมวด 3
วันหยุดและหลักเกณฑ์การหยุด
ข้อ 5. วันหยุดประจำสัปดาห์
สหกรณ์กำหนดให้พนักงานหยุดประจำสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 วัน ได้แก่ วันอาทิตย์
ข้อ 6. วันหยุดตามประเพณี
สหกรณ์กำหนดให้พนักงานหยุดตามประเพณีได้ปีละ 13 วัน ดังนี้
1. วันขึ้นปีใหม่ |
2. วันมาฆบูชา |
3. วันจักรี |
4. วันสงกรานต์ |
5. วันแรงงานแห่งชาติ |
6. วันฉัตรมงคล |
7. วันวิสาขบูชา |
8. วันเข้าพรรษา |
9. วันเฉลิมพระชนมพรรษา |
10. วันปิยะมหาราช |
11. วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว |
12. วันรับธรรมนูญ |
13. วันสิ้นปีเก่า |
|
ในกรณีที่วันหยุดตามประเพณีวันใดตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ของพนักงาน ให้พนักงานได้หยุดชดเชยวันหยุดตามประเพณีในวันทำงานถัดไป
สหกรณ์ฯ อาจประกาศวันหยุดตามประเพณีที่ต่างไปจากที่กำหนดไว้ในวรรคแรกได้เป็นคราวๆ ไป แต่ทั้งนี้ต้องประกาศให้พนักงานทราบภายในเดือน ธันวาคมของปีก่อน
ข้อ 7. วันหยุดพักผ่อนประจำปี
7.1 สหกรณ์กำหนดให้พนักงานที่ทำงานครบ 1 ปี หยุดพักผ่อนประจำปี จำนวน 6 วันทำงานโดยจะจัดให้หยุดภายในปีถัดไป เว้นแต่ได้ตกลงกันสะสมวันหยุดในปีนั้นไปรวมหยุดในปีถัดไป
สหกรณ์อาจกำหนดให้พนักงานที่ทำงานยังไม่ครบ 1 ปี หยัดพักผ่อนประจำปีตามส่วนได้
7.2 พนักงานที่มีอายุงานตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จะได้รับวันลาหยุดพักผ่อนประจำปีเพิ่มเป็นดังนี้
พนักงานที่ทำงานมาครบ 1 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 6 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 2 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 7 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 3 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 10 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 4 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 11 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 5 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 12 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 6 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 13 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 7 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 14 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 8 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 15 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 9 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 16 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 10 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 16 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 11 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 17 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 12 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 17 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 13 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 17 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 14 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 18 วัน |
พนักงานที่ทำงานมาครบ 14 ปี |
มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีได้ 19 วัน |
7.3 เจ้าหน้าที่ที่ต้องการสะสมวันลาหยุดพักผ่อนประจำปี สำหรับปีต่อไปให้ยื่นความจำนงเพื่อขอสะสมต่อผู้จัดการก่อนครบกำหนดใช้สิทธิ 1 เดือน เพื่อใช้สิทธิสำหรับวันลาที่ยังคงเหลืออยู่ในปีถัดไป
7.4 ในการลาหยัดพักผ่อนประจำปีที่สะสมไว้ รวมทั้งสิทธิการลาที่เกิดขึ้นในปีนั้นๆ เจ้าหน้าที่จะขอใช้สิทธิในการลาได้ครั้งละไม่เกิน 6 วัน และระยะการลาครั้งก่อนกับครั้งต่อไปต้องห่างกันไม่น้อยกว่า 6 วัน
7.5 ในการใช้สิทธิการลาตามข้อ 7.4 เจ้าหน้าที่ต้องใช้สิทธิก่อนครบกำหนดในปีที่ 2
7.6 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่ใช้สิทธิตามข้อ 7.5 ให้ถือว่าสละสิทธิการลาของวันที่เหลืออยู่เว้นแต่เจ้าหน้าที่ยื่นความจำนงแล้วผู้จัดการไม่สามารถอนุมัติวันลาให้ได้ สหกรณ์ฯ ยินดีจ่ายเป็นเงินเท่ากับค่าจ้างปกติของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น สำหรับวันลาที่ยังคงเหลืออยู่
7.7 การสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าวนี้ จะสะสมได้ครั้งละไม่เกิน 2 ปี
หมวด 4
การทำงานล่วงเวลา และการทำงานในวันหยุด
ข้อ 8. การทำงานล่วงเวลาและการทำงานในวันหยุด
8.1 ในกรณีที่สหกรณ์มีเหตุฉุกเฉิน หรือความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องทำงานติดต่อกันไป ถ้าหยุดแล้วจะเกิดความเสียหายสหกรณ์จะให้พนักงานทำงานล่วงเวลาในวันทำงาน หรือทำงานในวันหยุดรวมถึงทำงานล่วงเวลาในวันหยุดได้ตามความจำเป็น โดยสหกรณ์จะแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า และพนักงานจะต้องให้ความร่วมมือในการทำงานล่วงเวลาดังกล่าว
8.2 ในกรณีที่สหกรณ์มีความจำเป็นต้องทำงานเพื่อเพิ่มการบริการ สหกรณ์จะให้พนักงานทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดเป็นครั้งคราวเท่าที่เป็นประโยชน์แก่การบริการ ทั้งนี้สหกรณ์จะให้พนักงานที่สมัครใจทำงานล่วงเวลาหรือทำงานในวันหยุดได้ไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ข้อ 9. อัตราค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุด
9.1 สหกรณ์จะจ่ายค่าล่วงเวลาสำหรับการทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติในอัตรา 1.5 เท่า ของค่าจ้างตามจำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา
9.2 สหกรณ์จะจ่ายค่าล่วงเวลาสำหรับการทำงานล่วงเวลาในวันหยุด ในอัตรา 3 เท่าของค่าจ้างตามจำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลาในวันหยุด
9.3 สหกรณ์จะจ่ายค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ ให้แก่พนักงานที่ทำงานในวันหยุดในอัตรา 1 เท่าของค่าจ้าง ในวันทำงานปกติตามจำนวนชั่วโมงที่ทำงานในวันหยุด
9.4 สหกรณ์จะจ่ายค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี และวันหยุดพักผ่อนประจำปี ให้แก่พนักงานที่ทำงานในวันหยุด ในอัตรา 1 เท่า ของค่าจ้างในวันทำงานปกติ ตามจำนวนชั่วโมงทำงานในวันหยุด
ข้อ 10. การไม่จ่ายค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และค่าทำงานในวันหยุด
10.1 สหกรณ์จะไม่จ่ายค่าล่วงเวลาและค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่พนักงาน ดังนี้
(1) พนักงานซึ่งได้รับมอบหมายให้มีอำนาจทำการแทนสหกรณ์เกี่ยวกับการจ้างการให้บำเหน็จ การลดค่าจ้าง หรือการเลิกจ้าง
(2) พนักงานที่ถูกกำหนดให้ทำงานที่มีลักษณะ หรือสภาพที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่และโดยลักษณะ หรือสภาพของงาน ไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้
(3) พนักงานที่ถูกกำหนดให้อยู่เวรเฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินเป็นครั้งคราว
10.2 สหกรณ์จะไม่จ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้แก่พนักงาน ซึ่งได้รับมอบหมายให้มีอำนาจทำการแทนสหกรณ์เกี่ยวกับการจ้าง การให้บำเหน็จ การลดค่าจ้าง หรือการเลิกจ้าง
หมวด 5.
การจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด
ข้อ 11. การจ่ายค่าจ้างในวันหยุด
11.1 สหกรณ์ได้จ่ายค่าจ้างในวันหยุดประจำสัปดาห์ีให้แก่พนักงานรายเดือน โดยจ่ายรวมอยู่ในเงินเดือนแล้ว
11.2 สหกรณ์ได้จ่ายค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณีและวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่พนักงานรายเดือน โดยจ่ายรวมอยู่ในเงินเดือนแล้ว
ข้อ 12. การจ่ายค่าจ้างในวันลา
สหกรณ์จะจ่ายค่าจ้างในวันลา ให้แก่พนักงานที่ลาถูกต้องตามระเบียบของสหกรณ์ดังนี้
12.1 วันลาป่วย จะจ่ายตามจำนวนวันที่พนักงานป่วยจริง แต่ไม่เกิน 30 วันทำงานต่อปี
12.2 วันลาทำหมัน จะจ่ายตามจำนวนวันที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกำหนดให้พนักงานหยุดงาน
12.3 วันลาคลอดบุตร จะจ่ายตามจำนวนวันที่ลา แต่ไม่เกิน 90 วัน
12.4 วันลากิจกรรม จะจ่ายตามจำนวนวันที่สหกรณ์อนุญาตให้ลา แต่ไม่เกิน 3 วันต่อปี
12.5 วันลาเพื่อฝึกความพรั่งพร้อมทางทหาร ตามจำนวนวันที่ลา แต่ไม่เกิน 60 วันต่อปี
12.6 วันลาเพื่อการฝึกอบรม หรือพัฒนาความรู้ตามจำนวนวันที่สหกรณ์อนุยาต แต่ไม่เกิน 30 วันต่อปี
12.7 วันลาเพื่ออุปสมบท และประกอบพิธีฮัจย์ ตามจำนวนวันที่สหกรณ์อนุยาตแต่ไม่เกิน 15 วันต่อปี
12.8 วันลาเพื่อการทำงานศพ บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร จะจ่ายตามจำนวนวันลาครั้งละ 5 วัน ต่อการทำงานศพแต่ละครั้ง
12.9 วันลาเพื่อการแต่งงานจะจ่ายให้ตามวันลาที่ได้รับอนุยาตแต่ไม่เกิน 3 วัน
12.10 วันลาเพื่อไปรับการเกณฑ์ทหารตามกำหนดของทางราชการจะจ่ายให้ครั้งละ 1 วัน
ข้อ 13. กำหนดระยะเวลาการจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด
13.1 สหกรณ์กำหนดให้มีการจ่ายเงินเดือน ค่าครองชีพ เบี้ยขยัน ค่าล่วงเวลา ค่าำทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุดฯลฯ ให้แก่พนักงานรายเดือนๆ ละ 1 ครั้ง โดยจะจ่ายในวันสิ้นเดือน
13.2 สหกรณ์กำหนดให้มีการจ่ายเงินประเภทอื่นให้แก่พนักงานตามที่ตกลงกัน
ในกรณีที่วันจ่ายค่าจ้างวันใดตรงกับวันหยุดงาน ให้เลื่อนไปจ่ายในวันทำงานก่อนถึงวันหยุดนั้น
ข้อ 14. สถานที่จ่ายเงินให้แก่พนักงาน
สหกรณ์จะจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินอื่นให้แก่พนักงาน ณ ที่ทำการของสหกรณ์ และหรือโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่สหกรณ์กำหนด
หมวด 6
วันลา และหลักเกณฑ์การลา
ข้อ 15 วันลา
พนักงานมีสิทธิลาหยุดได้ดังนี้
15.1 การลาป่วย พนักงานมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินเท่าที่กำหนดไว้ในข้อ 12.1 การประสบอันตราย หรือการเจ็บป่วย เนื่องจากการทำงานจนไม่สามารถมาปฏิบัติงานตามปกติ สหกรณ์จะให้หยุดงานตามความเห็นแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง โดยไม่ถือเป็นการลาป่วย
15.2 การลาทำหมัน พนักงานมีสิทธิลาหยุดงานเพื่อการทำหมันได้ตามจำนวนวันที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลกำหนด
15.3 การลาคลอดบุตร พนักงานหญิงมีสิทธิลาหยุดงานก่อนหรือหลังการคลอดบุตรได้ไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้โดยรวมวันหยุดด้วย
พนักงานหญิงที่ยังไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากการลาคลอดนี้ ให้มีสิทธิลาได้อีกไม่เกิน 30 วัน โดยไม่ได้รับค่าจ้างและจะต้องมีใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งมายื่นแสดงด้วย
การแท้งบุตรไม่ถือเป็นการลาคลอดตามระเบียบนี้
15.4 การลากิจ พนักงานมีสิทธิลาหยุดงานเพื่อกิจธุระจำเป็นได้ไม่เกิน 3 วันต่อปี
การลากิืจเพื่อธุระจำเป็น จะต้องเป็นกิจธุระเกี่ยวกับการติดต่อกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ การป่วยเจ็บของบุคคลในครอบครัว หรือความจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น
15.5 การลาเพื่อฝึกความพรั่งพร้อมทางทหาร พักงานมีสิทธิลาหยุดงานเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดสอบความพรั่งพร้อมทางทหารตามกำหนดระยะเวลาที่ราชการกำหนด
15.6 การลาเพื่อรับการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงาน พนักงานมีสิทธิขอลาหยุดงานเพื่อรับการฝึกอบรม หรือพัฒนาความรู้ความสามารถ ได้ปีหนึ่งไม่เกิน 30 วัน
การลาเพื่อการรับการฝึกอบรม หรือพัฒนาความรู้ความสารถของพนักงานดังกล่าว จะต้องเป็นประโยชน์ต่องานด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม เพิ่มทักษะความชำนาญต่อการปฏิบัติงาน หรือเป็นการลาเพื่อสอบวัดผลทางการศึกษาที่ทางราชการจัดหรืออนุญาตให้จัดขึ้น
ข้อ 16. หลักเกณฑ์การลา
16.1 การลาป่วย พนักงานที่เจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ พนักงานจะต้องปฏิบัติตามระเบียบการลาป่วย ดังนี้
(1) กรณีที่พนักงานสามารถลาป่วยล่วงหน้าได้ ให้ยื่นใบลาป่วยตามแบบใบลาที่สหกรณ์กำหนดก่อนการหยุดงานต่อผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี พร้อมด้วยหลักฐาน (ถ้ามี)
(2) กรณีที่พนักงานเจ็บป่วยกระทันหัน และไม่สามารถลาป่วยล่วงหน้าได้ ให้พนักงานแจ้งให้กรรมการผู้จัดการ รองประธาน ประธานกรรมการ ทราบทันทีโดยทางโทรศัพท์ โทรเลข จดหมาย หรือให้ผู้อื่นมาแจ้งแทน และต้องยื่นใบลาป่วยภายในวันแรกที่มาทำงานตามแบบใบลาที่สหกรณ์กำหนดต่อผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี พร้อมด้วยหลักฐาน(ถ้่ามี)
(3) การเจ็บป่วยของพนักงานตั้งแต่สามวันทำงานขึ้นไป ให้พนักงานแสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล หรือหลักฐายของสถานพยาบาลของราชการประกอบการลาป่วยทุกครั้งด้วย
(4) การลาป่วยโดยมิได้เจ็บป่วยจริง สหกรณ์ถือว่าพนักงานใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ย่อมถูกลงโทษได้
16.2 การลาทำหมัน ให้พนักงานยื่นใบลาล่วงหน้าตามแบบใบลาที่สหกรณ์กำหนดต่อผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี และเมื่อการทำหมันสิ้นสุดแล้ว ให้พนักงานแสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลประกอบการลาด้วย
16.3 การลาคลอดบุตร
(1) พนักงานที่ประสงค์ที่จะหยุดงานก่อนการคลอดบุตรให้ยื่นใบลาตามแบบที่สหกรณ์กำหนดต่อผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายก่อนการหยุดงานแล้วแต่กรณี
(2) พนักงานที่ไมาสามารถมาปฏิบัติงานได้ เนื่องจากการคลอดบุตรให้พนักงาน ยื่นใบลาตามแบบที่สหกรณ์กำหนด พร้อมทั้งใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลต่อผู้จัดการหรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี โดยให้ยื่นใบลาภายใน 3 วัน นับแต่วันกลับมาทำงาน
16.4 การลากิจ พนักงานที่มีกิจธุระจำเป็นอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ให้ยื่นใบลากิจต่อผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณีล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ตามแบบใบลาที่สหกรณ์กำหนดพร้อมด้วยหลักฐาน(ถ้ามี) และเมื่อได้รับการอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดงานได้
ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนซึ่งไม่อาจลาล่วงหน้าได้ ให้พนักงานยื่นใบลากิจภายในวันแรกที่มาทำงาน พร้อมหลักฐาน(ถ้ามี) และเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว จึงจะถือเป็นการลากิจที่ถูกต้อง
การลาที่ไม่มีเหตุอันสมควร สหกรณ์มีสิทธิไม่อนุยาตให้ลากิจได้และให้ถือว่าเป็นการขาดงาน
16.5 การลาเพื่อฝึกความพรัางพร้อมทางทหาร พนักงานที่ได้รับหมายเรียกทางทหารเพื่อการตรวจสอบการฝึกวิชาทหาร หรือทดสอบความพรั่งพร้อมทางทหารให้ยื่นใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันตามแบบใบลาที่สหกรณ์กำหนดพร้อมด้วยหลักฐานต่อผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี และเมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติทางทหารดังกล่าวแล้ว ให้พนักงานกลับมารายงานตัวเพื่อทำงานตามปกติภายใน 3 วัน
16.6 การลาเพื่อฝึกอบรมหรือพัมนาความรู้ความสามารถ
พนักงานที่ประสงค์จะขอลาหยุดเพื่อเข้ารับการฝึกอบรม การประชุม การสัมมนา การชี้แจง การอภิปราย หรือการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานด้านแรงงาน สวัสดิการสังคม การเพิ่มทักษะในการทำงาน หรือการวัดผลการศึกษาที่ทางส่วนราชการจัดหรืออนุญาตให้จัดขึ้น ให้พนักงานยื่นใบลาตามแบบที่สหกรณ์กำหนดต่อผุ้จัดการ หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณีล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน โดยแสดงหลักฐานประกอบการลาดังกล่าวด้วย
สหกรณ์จะพิจารณาอนุญาตให้ลาได้ตามความจำเป็น โดยไม่เสียหายต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ และงานของสหกรณ์ ประกอบกับประโยชน์?ที่พนักงานจะได้รับเป็นสำคัญ
สหกรณ์อาจไม่อนุญาตให้พนักงานผู้นั้นลาหยุดงานได้ ถ้า
(1) สหกรณ์ได้อนุญาตให้ลาไปแล้วไม่น้อยกว่า 30 วัน
(2) สหกรณ์ได้อนุญาตให้ลาไปแล้วไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง
(3) สหกรณ์มีความจำเป็นเร่งด่วนเกี่ยวกับงานที่พนักงานผู้นั้นปฏิบัติอยู่ หากอนุญาตให้ลาแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์
16.7 การลางานที่ได้รับอนุมัติจากผู้จัดการแล้วจะต้องให้ประธานกรรมการลงนามรับทราบจึงจะถือว่าเป็นการลางานที่สมบูรณ์
16.8 สหกรณ์สงวนสิทธิที่จะเรียกเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับอนุยาตให้ลางานกลับเข้าทำงานก่อนครบกำหนดการลาก็ได้ ถ้าเห็นว่ามีความจำเป็นแก่กิจการสหกรณ์
16.9 การหยุดงานโดยไม่เสนอใบลาตามระเบียบนี้ หรือการหยุดงานโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ลาตามระเบียบนี้ให้ถือเป็นการขาดงาน และให้หักเงินเดือน หรือค่าจ้างตามส่วนเฉลี่ยรายวันตลอดเวลาที่ขาดงาน นอกจากนั้นให้พิจารณาลงโทษผิดระเบียบวินัย สำหรับผู้ขาดงานตามควรแต่กรณี เว่นแต่เกิดจากเหตุสุดวิสัยและมีเหตุผลชี้แจงให้ผู้บังคับบัญชาทราบเป็นกรณี
หมวด 7
วินัยและโทษทางวินัย
ข้อ 17 วินัย
สหกรณ์กำหนดวินัยในการทำงานให้พนักงานปฏิบัติดังนี้
(1) สนับสนุนการปกครองตามรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุิ์ทธิ์ใจ
(2) ต้องรักษาความลับของสหกรณ์และไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อขบวนการสหกรณ์
(3) ต้องให้การต้อนรับ คำชี้แจง ความสะดวก ความเป็นธรรม และการสงเคราะห์แก่ผู้มาติดต่อในกิจการของสหกรณ์โดยมิชักช้า ทั้งต้องสุภาพ เรียบร้อยต่อสมาชิกของสหกรณ์และประชาชนทั่วไป ห้ามมิให้ดูหมิ่นเหยียดหยามบุคคลใดๆ
(4) ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เที่ยงธรรมและประพฤติตนอยู่ในความสุจริตห้ามมิให้กดขี่ข่มเหงหรือเบียเียนผู้ใด และห้ามมิให้อาศัยงานในหน้าที่ของตนไม่ว่าในทางตรง หรือทางอ้อมหาผลประโยชน์แก่ตนหรือผู้อื่น
(5) ต้องขวนขวายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ และรวดเร็วให้เกิดผลดี และความก้าวหน้าแก่สหกรณ์และสมาชิกของสหกรณ์ ทั้งเอาใจใส่ระมัดระวังผลประโยชน์ของสหกรณ์
(6) ต้องไม่รายงานเท็จหรือเสนอความเห็นที่ไม่สุจริตต่อผู้บังคับบัญชา
(7) ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง และแบบแผนและวิธีปฏิบัติของสหกรณ์
(8) ต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่กิจการของสหกรณ์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ไม่ได้ทั้งนี้โดยจะต้องปฏิบัติหน้าที่และดำรงตำแหน่งในสหกรณ์ใดสหกรณ์หนึ่งเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ห้ามมิให้เป็นตัวกระทำการในห้าหุ้นส่วนใดๆ
(9) ต้องสุภาพเรียบร้อย เชื่อฟัง และไม่แสดงความกระด้าง กระเดื่อง ต่อผู้บังคับบัญชาผู้อยู่ใต้บังััาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่ีงสั่งในกิจการของสหกรณ์โดยชอบ ในการปฏิบัติกิจการของสหกรณ์ ห้ามมิให้กระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปสั่งให้กระทำหรือได้รับอนุญาตเป็นพิเศษเป็นครั้งคราว
(10) ต้องรักษาชื่อเสียมิให้ขึ้ชื่อว่าประฤิั่ว ห้ามมิให้ประพฤติตนในทางที่อาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ เช่น ประพฤติตนเป็นคนเสเพล สพสุรา หรือของมึนเมาอย่างอื่นจนไม่สามารถครองสติได้ เสพยาเสพติดให้โทษ มีหนี้สินรุงรัง เล่นการพนัน กระทำหรือยอมหใ้ผู้อื่นกระทำการอื่นใด ซึ่งอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่
(11) ต้องไม่เสพสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นในเวลาปฏิบัติหน้าที่เป็นอันขาด
(12) ต้องร่วมมือช่วยเหลือกันในกิจการของสหกรณ์ ต้องรักษาความสามัคคี บรรดาผู้อยู่ในวงาอสหกรณ์ และต้องไม่กระทำการใดๆ อันอาจเป็นเหตุก่อให้เกิดการแตกแยกสามัคคี หรือก่อให้เกิดความกระด้าระเื่องในบรรดาผู้อยู่ในวงงานสหกรณ์
(13) ต้องร่วมมือประสานงานด้วยดีกัส่วนราชการ หรือสถาบันอื่นที่เกี่ยวข้องกับกิจการสหกรณ์
ข้อ 18 โทษทางวินัย
สหกรณ์กำหนดโทษสำหรับพนักงานที่ฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือกระทำความผิดไว้ดังนี้
18.1 ต ักเตือนด้วยวาจา
18.2 ตักเตือนเป็นหนังสือ
18.3 พักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
18.4 ลดค่าจ้างเงินเดือน
18.5 ให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก
สหกรณ์สงวนสิทธิที่จะลงโทษพนักงานตามความร้ายแรงของการกระทำความผิด โดยไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามลำดับข้างต้นแต่ประการใด
ข้อ 19 การพักงาน เพื่อสอบสวนความผิด
ในกรณีที่พนักงานถูกกล่าวหาว่ากระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กฏระเบียบ คำสั่ง สหกรณ์มีสิทธิสั่งพักงาเื่อสอบสวนความผิด เว้่นแต่กรณีความผิดชัดแ้โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
19.1 คำสั่งพักงานจะเป็นหนังสือโดยระบุความผิด
19.2 กำหนดระยะเวลาพักงานจะไม่เกิน 7 วัน
19.3 สหกรณ์จะแจ้งคำสั่งการพักงานให้พนักงานทราบก่อนการพักงาน
19.4 สหกรณ์จะจ่ายเงินระหว่างพักงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่า้จ้าง
19.5 ในกรณีที่สอบสวนแล้วพนักงานมิได้กระทำความผิด สหกรณ์จะจ่ายค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานปกติ นับแต่วันที่สั่งพักงานโดยให้ถือว่าเงินตามข้อ 19.4 เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
หมวด 8
การร้องทุกข์
ความคิดเห็นที่แตกต่างหรือความขัดแย้งที่เกี่ยวกับสภาพการจ้าง การทำงาน สิทธิประโยชน์หน้าที่และความรับผิดชอบในการทำงานพึงได้รับการแก้ไขหรือขจัดให้หมดสิ้นไปด้วยความรวดเร็ว และยุติธรรมเพื่อให้การทำงานร่วมกันปลอาวามคิดเห็นที่แตกต่าง ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เป็นธรรม การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สหกรณ์จึงกำหนดหลักเกณฑ์การร้องทุกข์ในสถานประกอบการไว้ ดังนี้
ข้อ 20 ความหมายและขอบเขตของร้องทุกข์
(1) ข้อร้องทุกข์ของพนักงานจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความคิดเห็นหรือขัดแย้งว่าด้วยระบบหรือวิธีการทำงาน สิทธิประโยชน์ตามสัญา หรือสภาพการจ้าง ความประพฤติและความเป็นธรรมของพนักงาน
(2) ข้อร้องทุกข์จะ้องมิใช่เรื่องร้องขอให้แต่ั้ง โยกย้าย เลิกจ้่าง ปลดออก ไล่ออก ซึ่งบุคคล
(3) ข้อร้องทุกข์จะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน มิใช่เรื่อส่วัว เว้นแต่เรื่องนั้นจะเกี่ยวข้องกับการทำงาน
ข้อ 21 วิธีการและขั้นตอนการร้องทุกข์
(1) พนักงานที่ประสงค์จะร้องทุกข์ให้ร้องทุกข์เป็นหนังสือด้วยตนเองต่อผู้จัดการ หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณีภายใน 3 วัน นับแต่วันที่มีความขัดแย้ง
(2) ผู้จัดการ หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณีต้องทำการสอบสวนและพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องทุกข์
(3) ผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายจะแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องทุกข์ด้วยการชี้แจงทำความเข้าใจหรือวินิจฉัยเป็นหนังสือก็ไ้ด้ การแจ้งผลการพิจารณาโดยการชี้แ้วยวาจา ให้บันทึกคำชี้แ เหตุผลไว้ในสำนวนโดยให้ผู้ร้องทุกข์ลงลายมือชื่อรับทราบไว้ด้วย
(4) การพิจารณาคำร้องทุกข์เกี่ยวกับการลงโทษ ผู้พิจารณาจะต้องมิใช่ผู้ที่มีคำสั่งลงโทษ
ข้อ 22 การอุทธรณคำวินิจฉัย
(1) ผู้ร้องทุกข์ที่ไม่พอใจคำชี้แหรือคำวินิจฉัย มีสิทธิอุทธรณ์ต่อผู้จัดการ หรือกรรมการ ที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณีเป็นหนังสือภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำชี้แจงหรือคำวินิจฉัย
(2) ผู้จัดการ หรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี ต้องทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม(ถ้ามี) และพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์
(3) ผู้จัดการ หรือกรรมการ ทีี่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี จะแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ด้วยการชี้แจงทำความเข้าใจ หรือการวินิจฉัยเป็นหนังสือก็ได้ การแจ้งผลด้วยการชี้แจงด้วยวาจาให้บันทึกคำชี้แจงเหุลไว้ในสำนวนโดยให้ผู้ร้องทุกข์ลงลายมือชื่อรับทราบไว้ด้วย
(4) คำชี้แจง การทำความเจ้าใจ หรือารวินิจฉัยของผู้จัดการ กรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณีให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ 23 ความคุ้มครองผู้ร้องทุกข์และผู้เกี่ยวข้ัอง
(1) ข้อร้องทุกข์จะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นระบบและด้วยความเป็นธรรม
(2) ผู้ร้องทุกข์จะไม่ถูกกลั่นแกล้ง ย้ายหน้าที่การงาน หรือลงโทษแต่อย่างใด เว้นแต่จะเป็นการร้องทุกข์ด้วยเจตนาไม่สุจริต
(3) พนักงานที่ให้การเป็นพยาน หรือให้ความร่วมมือในการสอบสวน จะได้รับความคุ้มครองโดยจะไม่ถูกกลั่นแกล้ง ย้ายหน้าที่การงาน หรือลงโทษ เว้นแต่พนักงานที่ให้การด้วยอคติ ปรักปรำ ให้ร้าย เป็นเท็จ หรือไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวนหาความจริง
การสอบสวนอาจกระทำโดยคณะกรรมการที่สหกรณ์แต่งตั้งก็ไ้ด้
หมวด 9
การสิ้นสุดการจ้าง
การจ้างจะสิ้นสุดลงด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังนี้
1. ตาย
2. ลาออก
3. เลิืกจ้าง
ข้อ 24 ตาย
ในกรณีที่พนักงานถึงแก่ความตาย สหกรณ์จะจ่ายค่าจ้างหรือเงินอื่นให้แก่ทายาทโดยธรรมของพนักงานที่ถึงแก่ความตาย ส่วนเงิแนหรือประโยชน์ทดแทนให้เป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยเงินทดแทนหรือกฏหมายประกันสังคม
ข้อ 25 การลาออก
พนักงาน ยื่นใบลาล่วงหน้าตามแบบที่สหกรณ์กำหนดต่อผู้จัดการ หรือคณะกรรมการดำเนินการแล้วแต่กรณี โดยให้ยื่นก่อนวันที่ 1 หรืออย่างช้าในวันที่ 1 ของเดือนที่ประสงค์จะลาออกโดยพนักงานจะ้องปฏิบัติงานตามปกติจนถึงสิ้นเดือน เวันแต่สหกรณ์จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และการลาออกจะมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนถัดไป
การลาออกของพนักงานที่ฝ่าฝืนระเบียบการลาดัล่าว ย่อมทำให้สหกรณ์เสียหาย สหร์มีความชอบธรรมที่จะหักเงินประกัน ค่าจ้าง หรือเงินอื่นใดชดใช้่ความเสียหายดังกล่าวได้ รวมถึงอาจใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลแรงงาน เพื่อให้พนักงานหรือผู้ค้ำประกัดใช้ความเสียหายได้ด้วย
ข้อ 26 การเลิกจ้าง
การเลิกจ้าง หมายถึง พนักงานที่สหกรณ์ให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานของสหกรณ์ โดยการให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก อันเนื่องจากพนักงานขาดคุณสมบัติในการทำงานมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ยุบหน่วยงาน เลิกกิจการ เกษียณอายุ ครบกำหนดตามสัญญาจ้าง หรือ กระทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง
การเลิกจ้างดังกล่าวสหกรณ์จะแจ้งเหตุผลและวันเลิกจ้างให้พนักงานทราบเป็นหนังสือ โดยจะแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง เว้นแ่การเลิกจ้างพนักงานที่ไม่ผ่านการทดลองงาน พนักงานที่จ้างไว้โดยมีกำหนดระยะเวลาแน่นอน หรือ พนักงานที่กระำทำวามิและไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
ในกรณีที่สหกรณ์ไม่อาจบอกกล่าวล่วงหน้าได้ สหกรณ์จะจ่ายเงินให้แก่พนักงานแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
หมวด 10
ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ
ข้อ 27 ค่าชดเชย
สหกรณ์จะจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างให้แก่พนักงานตามระยะเวลาและอัตรา ดังนี้
(1) พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
(2) พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันมาครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
(3) พนักงานที่ำาติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี จะำได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
(4) พนักงานที่ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน
(5) พนักงานที่ทำงานที่ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
ข้อ 28 ข้อยกเว้นการจ่ายค่าชดเชย
28.1 สหกรณ์จะไม่จ่ายค่าชดเชยให่แก่พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง เนื่องจากกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
(1) ทุจริตต่อหน้าที่
(2) กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่สหกรณ์
(3) จงใจทำให้สหกรณ์ได้รับความเสียหาย
(4) ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้สหกรณ์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
(5) ฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรม สหกรณ์ได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ได้ประทำความผิด เว้นแต่กรณีร้ายแรงที่ไม่จำต้องตักเตือนเป็นหนังสือ
(6) ละเว้นหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
(7) ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เวันแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
28.2 สหกรณ์จะไม่จ่ายค่าชดเชยให้แก่พนักงานที่สหกรณ์จ้างไว้ โดยมีกำหนดระยะเวลาการจ้าง แน่นอนตามสัญญาจ้างและถูกเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลาของสัญญาจ้างนั้น
ข้อ 29 ค่าชดเชยพิเศษ
29.1 ในกรณีที่สหกรณ์ย้ายที่ทำการของสหกรณ์ไปตั้ง ณ สถานที่อื่น อันมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิตตามปกติของพนักงานหรือครอบครัว สหกรณ์ต้องแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนวันย้ายที่ทำการของสหกรณ์ ในการนี้ ถ้าพนักงานไม่ประสงค์จะไปทำงานด้วยให้พนักงานมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้ โดยพนักงานมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของอัตราค่าชดเชยที่พนักงานพึงมีสิทธิได้รับ
29.2 ในกรณีที่สหกรณ์มีความจำเป็นต้องลำจำนวนพนักงาน อันเนื่องจากการปรับปรุงหน่วยงานระบบการทำงานหรือการบริการ สหกรณ์จะปฏิบัติดังนี้
(1) แจ้งวันเลิกจ้าง เหตุผลของการเลิกจ้างให้พนักงานทราบล่วงหน้าไม่้อยว่า 60 วัน
ในกรณีที่สหกรณ์ไม่สามารถแจ้งได้หรือแจ้งการเลิกจ้างน้อยกว่า 60 วัน จะจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 60 วัน
(2) จ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มเติมจากค่าชดเชยตาม ข้อ 27 เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 15 วันต่อการทำงาน 1 ปี สำหรับพนักงานที่ทำงานติดต่อกันเกิน 6 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ ค่าชดเชยพิเศษดังกล่าวจะไม่เกินค่าจ้างอัตราสุดท้าย
หมวด 11
เบ็ดเตล็ด
ข้อ 30 การหยุดกิจการชั่วคราว
ในกรณีที่สหกรณ์มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว เนื่องจากหน่วยงานหรือสถานประกอบการที่สหกรณ์ตั้งอยู่หยุดกิจการ หรือสหกรณ์ประสบภาวะทางเศรษฐกิจ สหกรณ์จะแจ้งเหตุการหยุดกิจการให้ทราบล่วงหน้า และจ่ายเงินในระหว่างการหยุดกิจการในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง
ข้อ 31 กฎระเบียบอื่น ๆ
31.1 กฎ ระเบียบ คำสั่ง ซึ่งใช้บังคับกับส่วนงานใดส่วนงานหนึ่งเป็นการเฉพาะให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อบังคับในการทำงานนี้ด้วย ทั้งนี้รวมถึงใบสมัครงาน สัญญาจ้าง หนังสือประกัน และข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างด้วย
31.2 การใดที่มิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือประเพณีปฏิบัิี่ยึดถือกันตลอดมา
31.3 กฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือข้อบังคับใด ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้ให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน
ข้อ 32 ก ารแก้ไขเปลี่ยนแปลง
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนี้ได้จัดทำขึ้นให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 แล้ว อย่างไรก็ตามสหกรณ์สงวนสิทธิในการแก้ไขปรับปรุงให้มีความเหมาะสมเป็นธรรมยิ่งขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518ได้
ข้อ 33 การบังคับใช้
33.1 ให้พนักงานทุกระดับศึกษาระเบียบนี้ให้มีความเข้าใจอย่างชัดแจ้งเพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง
33.2 พนักงานทุกคนจะปฏิเสธว่าไม่ทราบเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติตามระเบียบนี้ไม่ได้
33.3 พนักงานระดับบังคับบัญชา และคณะกรรมการดำเนินการ เป็นผู้ควบคุมดูแลให้พนักงานระดับปฏิบัติตามอย่างถูกต้องและเคร่งครัด
ข้อ 34 ให้ยกเลิกระเบียบสหกรณ์ออมทรัพย์สหภาพแรงงานไทยเรยอน จำกัด ว่าด้วยการลาของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2535 และให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ 35 ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2542
ประกาศ ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2542
ศรีโพธิ์ วายุพักตร์
(นายศรีโพธ ิ์ วายุพักตร์)
ประธานกรรมการ
สหกรณ์ออมทรัพย์สหภาพแรงงานไทยเรยอน จำกัด
|